- คเณศ แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่คณะ (คณะในที่นี้หมายถึงบริวารของพระศิวะ)
- คเณศวร แปลว่า ผู้เป็นใหญ่หรือหัวหน้าเหนือเหล่าบริวารพระศิวะ
- คณปติ แปลว่า ผู้เป็นใหญ่เหนือหมู่คณะ หรือหัวหน้าเหนือเหล่าบริวารพระศิวะ
- เอกทันต์ หรือเอกทันตะ แปลว่า ผู้มีงาเดียวรือผู้เป็นใหญ่เหนือเหล่าบริวารของพระศิวะ เป็นอวคารหนึ่งของพระพิฆเนศที่มาปราบอสูรมะทะด้วยลูกศรชื่อปรสุ (รายละเอียดอ่านได้จาก "คเณศปกรณ์")
- พิฆเนศ แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งอุปสรรค
- พิฆเนศวร แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งอุปสรรค
- พิลไลยาร์ แปลว่า โอรสแห่งเทพชนกและชนนีผู้เป็นเจ้าจักรวาล ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันดีในแคว้นทมิฬนาฑู
- เหรัมพะ แปลว่า ผู้ปกครองผู้มีความทุกข์
- วิฆนายกะ แปลว่า ผู้ขจัดอุปสรรคต่างๆ
- ลัมโพทร แปลว่า ผู้มีท้องใหญ่, ผู้มีท้องพลุ้ย เป็นชื่ออวตารหนึ่งของพระพิฆเนศเพื่อปราบโกรธาสูร โกรธาสูรกำเนิดมาจากความโกรธและความอับอายของพระศิวะ ตอนที่พระวิษณุแปลงกายเป็นเด็กสาววัย 16 ปีมีรูปกายงดงามยิ่งนัก พระศิวะเห็นเข้าจึงพอพระทัยเมื่อพระวิษณุรู้สึกพระองค์เข้าจึงกลับคืนร่างเดิมเสีย ทำให้พระศิวะทั้งโกรธ และอับอายเป็นอย่างมาก โกรธาสูรได้รับพรจากพระสุริยะให้สามารถพิชิตไตรโลกทั้งหมดรวมทั้งไกรลาสด้วย เหล่าเทวดาจึงบูชาพระคเณศในพระนามลัมโพทรจนทรงปรากฏพระองค์ขึ้นและรับปากจะปราบโกรธาสูรให้ โกรฑาสูรเข้าต่อกรกับลัมโพทรถึงแม้จะประหวั่นถึงพลังอำนาจของลัมโพทรอยู่ แต่ในที่สุดโกรธาสูรต้องยอมสวามิภักดิ์ให้ลัมโพทร จากตำนานนี้การมีท้องใหญ่ พุงพลุ้ยไม่ได้หมายความว่าอ้วนท้วนเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงทันอันใหญ่โตของลัมโพทรคือการรวมกันของโลกทุกโลก โลกทุกโลกเกิดจากพระองค์ เมื่อกาลสิ้นสุดแล้วก็กลับเข้าไปและทรงเป็นผู้ปกครองและดูแลทุกโลก
- ศูรปกรรณ แปลว่า มีหูเหมือนกระจาด หมายถึงมีหูรับฟัง เรียนรู้ มั่งคั่ง และเก็บสรรพวิชาได้มหาศาล เก็บคัมภีร์พระเวทได้หลายบทโดยพระธุสวดีเป็นผู้ถ่ายทอดให้
- ธูรมวรรณ แปลว่า สีเทา สีหมอกควัน เป็นอวตารหนึ่งที่มาปราบอหัมสูร อสูรที่เกิดจากความรู้สึกโอหังของพระสุริยเทพและทรงเผลอจามออกมา ธูรมวรรณทรงปราบอหัมสูรด้วยปาศะ - เชือกบาศก์ แล้วสั่งให้ไปอยู่บาดาล
- คชวักตะ หรือ คชพักตร์ แปลว่า หน้าเป็นช้าง
- คุหาครชะ แปลว่า พี่ชายของพระขรรถกุมาร
- คชนัน แปลว่า ผู้มีหน้าเป็นช้าง มาจากตำนานการปราบโลภาสูร เป็นอสูรที่เกิดจากตอนที่ท้าวกุเวรมองเครื่องพัสตราภรณ์อันเลอค่าของพระแม่อุมาด้วยความโลภ มีฤทธิ์เดชมากและเคยได้รับประทานพรจากพระศิวะ ฤทธิ์มากที่แม้แต่พระวิษณุยังสู้ไม่ได้ โลภาสูรพิชิตสามโลกและถึงขนาดขอเขาไกรลาสจากพระศิวะ ซึ่งพระศิวะก็ทรงยกให้แต่โดยดีเพราะไม่อยากเสียคำพูดของตน เหล่าเทวดาอดรนทนไม่ได้จึงไปหาพระวิษณุ พระวิษณุจึงบอกให้เหล่าเทวดาไปบูชาพระคเณศซึ่งปรากฏพระองค์ในรูปคชนันบนหลังหนูและรับคำว่าจะปราบโลภาสูร พระศิวะได้รับสั่งเตือนโลภาสูรให้บูชาพระคเณศดีกว่าที่จะต่อสู้ ทีแรกโลภาสูรไม่เชื่อจึงไปปรึกษาพระศุกร์ พระศุกร์ก็ทรงยืนยันอย่างเดียวกันว่าคชนันมีมหิทธานุภาพมาก ให้บูชาจะดีกว่า ดังนั้นโลภาสูรจึงสวามิภักดิ์ต่อคชนัน คชนันสั่งให้โลภาสูรคืนโลกต่างๆที่ยึดมา ให้โลภาสูรไปอาศัยอยู่บาดาลและความสงบก็กลับคืนมานับแต่นั้น
- มุสิกวาหนะ แปลว่า ผู้มีหนูเป็นพาหนะ
- ลัฑฑูปรียา แปลว่า ผู้ชื่นชอบขนมลัฑฑู มาจากคัมภีร์สกันทปุราณะกล่าวว่าพระคเณศจะทรงบอกได้เสมอว่าพระศิวะประทับอยู่ที่ใด จึงทรงได้รับการถวายขนมลัฑฑู(ขนมโมทกะ) และทรงชื่นชอบอย่างมาก
- วรปาท แปลว่า ผู้ประทานพร เป็นผู้ประทานความรู้ ความอุดมสมบูรณ์
- วิฆนราชา แปลว่า ผู้เป็นเจ้าแห่งอุปสรรค และนำพาเหล่าผู้บูชาข้ามพ้นอุปสรรคต่างๆ เป็นชื่ออวตารที่ทรงปราบมหาสูรหรือมมตาสูร อันเกิดมาจากเสียงสรวลอันดังของพระแม่อุมา อสูรตนนี้ได้ขอพรจากพระพิฆเนศสามข้อ คือ ขอให้ครองจักรวาลได้ ขอให้เป็นอมตะและขอศาสตรวุธที่อาวุธอื่นไม่สามารถทำลายได้ พระพิฆเนศได้ประทานพรทุกข้อตามที่มมตาอสูรขอ ต่อมามมตาสูรก่อทุกข์เข็ญไปทั่ว เหล่าเทวดาจึงภาวนาอัญเชิญพระพิฆเนศในรูปพระวิฆนราชมาปราบ ทรงปราบมมตาสูรด้วยดอกบัวเพียงดอกเดียวเท่านั้น
- วีรคณปติ แปลว่า นักรบผู้เป็นใหญ่แห่งคณะ มาจากภาคที่มีวรรณะแดง มี 18 กร ทรงถือศาสตราวุทธต่างๆที่เป็นเครื่องหมายของนักรบ
- วิกฏะ ในภาษาสันสกฤตแปลว่า ยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม เป็นชื่อของอวตารหนึ่งของพระพิฆเนศเพื่อปราบกามาสูร กำเนิดของกามาสูรเกิดจากความปฏิพัทธิ์ที่พระวิษณุมีต่อพระแม่จ้าวฤนทาผู้งดงาม เรื่องราวการปราบคล้ายกับที่ปราบโกรธาสูรในอวตารลัมโพทร อวตารวิกฏะนี้ทรงนกยูงเป็นพาหนะ
- อุมาปุตร แปลว่า บุตรแห่งพระอุมา และเป็นบุตรผู้เป็นที่รักและดูแลรับใช้ใกล้ชิด
- วักระตุณฑะ แปลว่า ผู้มีหนวดโค้ง เป็นหนึ่งในอวตารของพระพิฆเนศเพื่อมาปราบอสูรชื่อมัตสระที่บำเพ็ญเพียรบูชาพระศิวะอยู่พันปีจนได้รับประทานพรและได้รับแต่งตั้งจากพระศุกร์ให้ไปพิชิตโลกต่างๆและจักรวาล (รายละเอียดอ่านได้จาก "คเณศปกรณ์")
- ปุราณะนันท์มโหทระ หรือมโหทร แปลว่า ท้องโต ซึ่งเป็นอวตารหนึ่งของพระคเณศตอนไปปราบอสูรยานาริ (รายละเอียดอ่านได้จาก "คเณศปกรณ์")
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โบราณคดี แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โบราณคดี แสดงบทความทั้งหมด
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
พระนามต่างๆของพระพิฆเนศ
พระพิฆเนศเป็นเทพที่มีหลายพระนาม บางตำราว่ามีมากถึง 1,000 พระนาม ที่ได้ยินกันเป็นที่แพร่หลายมีดังต่อไปนี้
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ตำนานกำเนิดพระพิฆเนศ
เนื้อหากำเนิดพระพิฆเนศจากหนังสือ "แกะรอยพระคเณศ"
- คัมภีร์ศิวปุราณะ กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากเหงื่อไคลของพระนางปารวตีที่พระนางปั้นขณะสรงน้ำ ซึ่งมาจากการแนะนำของนางวิชยาซึ่งเป็นสหายของพระนางปารวตีว่าทรงควรมีบริวารเป็นของตนเอง และได้รับพระนามว่าคเณศ รับหน้าที่เฝ้าประตูวิมานไม่ให้ผู้ใด้เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ครั้งหนึ่งพระศิวะเสด็จมาแต่พระคเณศไม่ให้เข้า พระศิวะพิโรธจึงเกิดการต่อสู้กันระหว่างพระคเณศและเหล่าเทพของพระศิวะ เหล่าเทพสู้พระคเณศไม่ได้จึงต้องให้พระวิษณุมาช่วย พระวิษณุตัดเศียรพระคเณศได้แต่ทำให้พระนางปารวตีพิโรธมากจนเกิดสงครามใหญ่โต จนพระฤษีนารทต้องเสด็จมาขอให้ยุติสงคราม พระนางปารวตีจึงขอให้มีการชุบชีวิตพระคเณศ พระศิวะจึงบัญชาให้เหล่าเทพไปทางทิศเหนือและนำศีรษะของสิ่งมีชีวิตชนิดแรกที่พบไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามให้นำกลับมา เทพบริวารพบช้างงาเดียวนอนอยู่จึงนำศีรษะกลับมาต่อให้ พระคเณศจึงฟื้นคืน ได้รับการให้อภัยที่ล่วงเกินพระศิวะและได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้าคณะเทพของพระศิวะ
- คัมภีร์สุประเภทาคม กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากการเสพสมกันระหว่างพระศิวะและพระนางปารวตีขณะทั้งสองพระองค์แปลงร่างเป็นช้าง
- คัมภีร์ลิงคปุราณะ กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากการแบ่งกำลังส่วนหนึ่งของพระศิวะส่งไปยังครรภ์ของพระนางปารวตี เพื่อปราบเหล่าอสูรและยักษ์ร้ายที่บำเพ็ญเพียรจนได้พรจากพระศิวะ แต่ภายหลังไปก่อสงครามกับเหล่าเทพและพระอินทร์จนเดือดร้อนกันไปทั้งจักรวาล
- คัมภีร์พรหมไววรรตปุราณะ กล่าวว่า พระวิษณุได้ประทานพระพิฆเนศให้พระนางปารวตี เนื่องจากพระนางทรงประกอบพิธีปันยากพรตเพื่อบูชากพระวิษณุในวันขึ้น 13 ค่ำเดือนมาฆะ กำหนด 1 ปีเต็ม และพระนางก็ได้พระบุตรสมใจ แต่ในพิธีสมโภชน์พระบุตร พระเสาร์ผู้ที่ถูกภรรยาสาบก็ได้มาร่วมงาน คำสาบนั้นมีว่าหากพระเสาร์มองหน้าผู้ใดผู้นั้นถึงกาลพินาศทันที พระเสาร์มองไปที่พระพิฆเนศและเศียรของพระพิฆเนศก็หลุดหายไป ร้อนถึงพระวิษณุต้องทรงครุฑไปยังแม่น้ำบุษปภัทร เมื่อพบช้างตัวหนึ่งนอนหันหัวไปทางทิศเหนือจึงตัดหัวช้างมาต่อให้พระบุตร พระบุตรจึงฟื้นคืนชีพ
- ในบางท้องถิ่นคัมภีร์ไววรรตปุราณะก็เล่าว่าเศียรพระพิฆเนศกุมารขาดเพราะถูกพระกัศยปฤาษีสาบ พระศิวะจึงต้องนำเศียรช้างเอราวัณมาต่อให้แทน
- คัมภีร์สกันทปุราณะ กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากนางมาลินี นางรากษสที่มีหัวเป็นช้างที่ได้กินก้อนน้ำมันที่ปั้นจากน้ำมันรวมกับธุลีจากพระวรกายของพระนางปาราวตี ต่อมาพระนางปาราวตีได้ทรงรับกลับมาเลี้ยงเป็นโอรส เดิมทีพระพิฆเนศเป็นช้าง 5 เศียรแต่ต่อมาพระศิวะเสกให้ทั้งห้าเศียรรวมกันเป็นเศียรเดียว
- คัมภีร์วราหปุราณะ กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากพระนลาฎ (หน้าผากของพระศิวะ) มีลักษณะเหมือนร่างจำลองของพระศิวะ ทำหน้าที่สร้างอุปสรรคขัขวางผู้ที่ไม่เหมาะสมไม่ให้ขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อจำกัดจำนวนประชากรบนสวรรค์ ต่อมาพระนางปารวตีทราบเข้าก็พิโรธที่พระศิวะสร้างเทวบุตรโดยที่พระนางไม่รู้เห็นจึงสาบให้พระพิฆเนศเศียรเป็นช้าง พุงพลุ้ย
- คัมภีร์ปัทมปุราณะ กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากไคลของพระนางปารวตีขณะสรงน้ำ ที่พระนางทรงปั้นเป็นกุมารมีเศียรเป็นช้าง และพระคงคาเห็นว่าไคลนั้นเกิดจากมหาเทวีจึงไม่ควรปล่อยทิ้งไป พระคงคาจึงชุบให้มีชีวิตขึ้นแล้วรับเป็นบุตรของตน แต่ต่อมาก็ทรงนำไปถวายพระศิวะและพระนางปารวตีให้รับเป็นบุตร
- คัมภีร์มัสตยปุราณะกล่าวถึงกำเนิดพระพิฆเนศคล้ายกับคัมภีร์ศิวปุราณะและปัทมปุราณะตรงที่พระพิฆเนศกำเนิดจากคราบไคลของพระนางปารวตีขณะสรงน้ำ แต่ต่างกับคัมภีร์ศิวปุราณะตรงที่พระกุมารสู้กับพระศิวะไม่ใช่เทพบริวาร และพระศิวะเป็นผู้ตัดเศียรพระกุมารไม่ใช่พระวิษณุ และต่างกับคัมภีร์ปัทมปุราณะตรงที่พระคงคามิใช่ผู้ชุบเลี้ยงพระพิฆเนศ แต่พระนางปารวตีนำน้ำจากแม่น้ำคงคามาประพรมชุบชีวิตให้พระกุมารเท่านั้น อีกทั้งในคัมภีร์ปัทมปุราณะพระพิฆเนศมิได้ถูกตัดเศียรหากแต่มีเศียรเป็นช้างมาแต่เริ่มแรก
เนื้อหากำเนิดพระพิฆเนศจากหนังสือ "พระศรีคเณศ มหาเทพแห่งความสำเร็จ" ซึ่งกล่าวถึงตำนานจากคัมภีร์คณะปัตตะยะ (ปุราณะทั้ง 18 และอุปราณะทั้ง 18)
- ปุราณะที่ 1 กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากพระหทัยของพระนางปารวตี และเป็นบุตรที่เกิดจากดวงจิตแห่งศิวะเทพ เป็นเทวบุตรรูปงามที่มีเศียรเป็นช้าง
- ปุราณะที่ 2 กล่าวว่า พระพิฆเนศเป็นเทวบุตรที่เกิดจากพระจิตแห่งพระศิวะพระองค์เดียวโดยปราศจากพระนางปาราวตี พระนางจึงเนรมิตให้พระเศียรของกุมารเป็นช้างด้วยเป็นของมงคลคู่โลก
- ปุราณะที่ 3 จะคล้ายกับในคัมภีร์ศิวปุราณะที่เขียนไว้ข้างต้น
- ปุราณะที่ 4 จะคล้ายกับในคัมภีร์ปัทมปุราณะที่เขียนไว้ข้างต้น
- ปุราณะที่ 5 จะคล้ายกับในคัมภีร์พรหมไววรรตปุราณะ แต่ระบุเพิ่มเติมว่าพระพิฆเนศเป็นอวตารของพระกฤษณะ
- ปุราณะที่ 6 จะคล้ายกับในคัมภีร์พรหมไววรรตปุราณะบางท้องถิ่น แต่ระบุเพิ่มเติมว่าเหตุที่พระพิฆเนศถูกฤาษีกัศยปะสาบนั้น เป็นเพราะพระศิวะหยุดพระสุริยเทพมิให้ฉายแสงเพื่อช่วยอสูรสุมาลิและมาลิผู้บูชาพระองค์ จนพระฤาษีกัศยปะ บิดาแห่งพระสุริยเทพโกรธและสาบให้ลูกของพระศิวะไม่มีเศียร
เนื้อหากำเนิดพระพิฆเนศจากหนังสือ "คเณศปกรณ์" ส่วนมากจะเป็นตามข้างต้นแต่มีการกล่าวถึงคัมภีร์ไวยวนะสาคม, บันทึกคติความเชื่อแบบไทยจากหนังสือ "นารายณ์สิบปาง" และนิทานพื้นบ้านที่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับกำเนิดพระพิฆเนศ
- ไวยวนะสาคม กล่าวว่า พระพิฆเนศเกิดจากอากาศ และถือว่าทรงเป็นปรพรหมหรือปรมาตมัน
- คติความเชื่อไทยสำนวนแรกกล่าวว่าพระพิฆเนศบังเกิดจากกองเพลิงพร้อมกับเศียรช้าง สำนวนที่สองกล่าวว่าพระพิฆเนศกำเนิดเป็นกุมารปกติ ต่อมาต้องเสด็จไปปราบอสุรภังคีแต่ต้องทรงโสกันต์เสียก่อน เทพบริวารจึงไปอัญเชิญพระวิษณุและพระพรหมมาเจริญพระเกศาเพื่อเป็นสิริมงคล แต่ครานั้นพระวิษณุทรงบรรทมอยู่ เมื่อถูกปลุกจึงเผลอออกพระโอษฐ์ด้วยความขัดพระทัยว่า "ลูกหัวหาย จะนอนหลับให้สบายสักหน่อยก็ไม่ได้" และด้วยอำนาจแห่งวาจาสิทธิ์เศียรของพระกุมารก็อันตรธานไป ร้อนถึงพระวิษณุกรรมต้องไปหาเศียรโดยไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายที่ถึงที่ตายแล้วหรือนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตกก็ใหเตัดเศียรนั้นมาต่อให้พระกุมาร พระวิษณุกรรมทรงพบช้างพลายตัวหนึ่งนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก จึงตัดหัวช้างไปเพื่อจะต่อเศียรให้พระกุมาร นอกจากนั้นยังมีตำนานพื้นบ้านที่เล่าว่าพระพิฆเนศกำเนิดเป็นกุมารปกติ เมื่อถึงเวลาโสกันต์เทพบริวารจึงไปอัญเชิญพระเป็นเจ้าและเทพองค์อื่นๆทุกพระองค์ยกเว้นพระอังคาร ซึ่งทำให้พระอังคารไม่พอใจมากจึงแอบมาตัดเศียรพระกุมารในวันพิธี เทพบริวารจึงไปอัญเชิญพระวิษณุกรรมมาเพื่อแก้ไข แต่เรื่องหลังจากนี้ไม่มีบันทึกไว้แน่ชัด บ้างก็ว่าต้องไปนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าไปสวดคาถาเศียรกุมารจึงต่อติด
- นิทานพื้นบ้านเรื่องพรานป่ากับลูกชาย โดยเรื่องมีอยู่ว่ามีพรานป่าผู้หนึ่งได้ออกเดินทางจากบ้านจากเมียที่กำลังตั้งท้องอ่อนๆไปศึกษาวิชาอาคมจากอาจารย์หลายๆสำนักและฝึกฝนเป็นเวลา 20 ปีจนสำเร็จและได้ชื่อว่าเป็นผู้เรืองเวทย์ ในตอนที่พรานป่าเดินทางกลับบ้านพบโจรผู้หนึ่งพยายามขอเรียนวิชาจากตน แต่พรานป่าปฏิเสธทำให้โจรผิดหวัง ฝ่ายโจรจึงเฝ้ารอจนสบโอกาสที่จะทำร้าย โจรได้เอาไม้ทุบศีรษะพรานป่าจนสิ้นใจและได้ตัดศีรษะของพรานป่าออกไปด้วย ฝ่ายบุตรชายของพรานป่าก็ได้เจริญวัยขึ้นเป็นหนุ่มได้รับรู้เรื่องราวของบิดาจึงเดินทางออกตามหาจนพบร่างของบิดาอยู่ในป่าลึกจากความช่วยเหลือของเทวดาที่รักษาร่างของพรานป่าไว้ เทวดาบอกแก่บุตรนายพรานให้ไปหาศีรษะของมนุษย์ที่ตายแล้วในวันนั้นและนอนหันศัรษะไปทางทิศตะวันตกมาต่อกับร่างบิดาก่อนตะวันตกดินแล้วบิดาจะฟื้นคืน ฝ่ายบุตรชายก็พยายามหามนุษย์ที่ตายในวันนั้นแต่ก็หาไม่พบจนตะวันใกล้ตกดินจึงมาพบช้างพลายงาสั้นข้างยาวข้างนอนตายอยู่และหันหัวไปทางทิศตะวันตก บุตรชายจึงตัดสินใจตัดหัวช้างมาต่อให้ร่างของบิดา ทันใดนั้นบิดาก็ฟื้นคืนขึ้นมาแต่เนื่องจากมีศีรษะเป็นช้างจึงพูดไม่ได้ แต่ก็ได้สื่อสารกับบุตรทางอื่นให้เรียนรู้วิชาจากรอยสักตามร่ายกายของตน ครั้นพรานป่าเห็นความอัตคัดของครอบครัวตนจึงใช้อิทธิฤทธิ์บันดาลให้ครอบครัวเกิดความสมบูรณ์พูนสุข นอกจากนั้นพรานป่าก็ยังช่วยผู้ที่มาขอความช่วยเหลือทุกครั้งจนได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก
วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ข้อสันนิษฐานที่มาความเชื่อเรื่องพระพิฆเนศ
จากหนังสือ "แกะรอยพระคเณศ" ได้กล่าวถึงข้อสันนิษฐานที่มาความเชื่อเรื่องพระคเณศอยู่สามข้อด้วยกันดังนี้
- มาจากความเชื่่อของชาวพื้นเมืองโบราณที่นับถือพระอาทิตย์เป็นเทพเจ้า โดยมีหนูเป็นสัญลักษณ์ของความมืด การที่พระพิฆเนศขี่หนูมีความหมายถึงชัยชนะของแสงอาทิตย์ที่เอาชนะความมืด
- มาจากความกลัวอันตรายจากสัตว์ป่า - ช้างป่า - ที่พัฒนามาเป็นความเชื่อยกให้ช้างป่าเป็นเทพเจ้าของชาวพื้นเมือง
- มาจากความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือภูตผีปีศาจในป่าที่มีมากมาย และการรวมตัวกันของภูตผีปีศาจกลายเป็นเทพช้าง
- อาจได้รับอิทธิพลมาจากอียิปต์ สมัยเฮเลนีสติคทางตะวันออกกลางและอินโดกรีก ตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เนื่องจากเทพเจ้าจำนวนมากมีเศียรเป็นสัตว์ต่างๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)