แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พิฆเนศ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พิฆเนศ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ตำนานที่เกี่ยวกับพระปัญญาของพระพิฆเนศ

  • ตำนานเรื่องการอภิเษกของพระพิฆเนศ
เมื่อถึงเวลาอันสมควร พระศิวะจะจัดพิธีวิวาห์ให้ต่อเมื่อพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่งระหว่างพระพิฆเนศและขันธกุมาร สามารถเดินทางรอบโลกได้ 7 รอบด้วยเวลาอันรวดเร็ว ฝ่ายขันธกุมารขี่ยูงรำแพนเดินทางไปรอบโลก ฝ่ายพระพิฆเนศกลับเดินประทักษิณรอบพระศิวะและพระนางอุมาเทวี 7 รอบพร้อมให้เหตุผลว่า "ผู้ใดกราบไหว้บูชาบิดา มารดาย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เจริญ การที่เดินรอบบิดา มารดา 7 ครั้งย่อมได้กุศลเทียบเท่าการเดินทงรอบโลกถึง 7 รอบเช่นกัน" พระศิวะชอบใจคำอธิบายของพระพิฆเนศมาก จึงจัดให้พระพิฆเนศวิวาห์กับนางสิทธิ (ความสำเร็จ) และพุทธิ (ความสมบูรณ์ด้วยปัญญา) ในตอนนั้น
  • ตำนานการจารึกมหากาพย์รามเกียรติ์และมหาภารตะ
ฤษีวาสยะได้ขอพระพรหมให้ทรงบอกถึงคัมภีร์ในนิกายมากมาย แต่พระพรหมทรงให้ไปถามและเรียนรู้จากพระพิฆเนศ พระพิฆเนศจึงได้ร่วมบันทึกเรื่องราวมหากาพย์ทั้งสองขึ้นมาและเล่าขานกันจนถึงปัจจุบัน ตำนานนี้แสดงถึงความเป็นเอกด้านปรัชญาและวรรณกรรมของพระพิฆเนศ
  • ตำนานเรื่องการสั่งสอนท้าวกุเวร
ท้าวกุเวรเป็นเทพที่มักจะประทานพรให้ผู้บูชามีทรัพย์มาก ในทางที่เหมือนสนับสนุนให้คนมีความโลภซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวทางสู่การบรรลุธรรม พระพิฆเนศจึงสอนท้าวกุเวรด้วยการเสวยทุกอย่างที่ท้าวกุเวรทำมาถวายแม้กระทั่งกรุงลงกาจนท้าวกุเวรกริ้วและไปทูลฟ้องพระศิวะ พระศิวะทรงเข้าใจเจตนาพระคเณศและประทานขนมรันดูให้พระคเณศเพียงชิ้นเดียว พระคเณศก็คายทุกสิ่งที่ท้าวกุเวรถวายออกมาจยหมดสิ้น พระพิฆเนศทรงสอนว่า "หากท้าวกุเวรให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ขอด้วยความโลภก็จะเป็นเช่นนี้ ต่างจากการให้ด้วยรักและเมตตา ที่ให้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด"

ในประเทศไทยมีการยกย่องให้พระพิฆเนศให้พระพิฆเนศเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการและเทพผู้ขจัดซึ่งอุปสรรคทั้งปวง และเป็นปฐมปูชนียเทพด้วย แต่ในอินเดียจะยกย่องพระสรัสวตีให้เป็นเทพีแห่งอักษรศาสตร์และวิทยาการทุกสาขา

ในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบามสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยด้านภารตศาสตร์และความรู้เกี่ยวกับเทพเจ้าฮินดู ทรงสอดแทรกความรู้เหล่านี้ในวรรณคดีนิพนธ์หลายๆเรื่องและทรงยกย่องพระพิฆเนศเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการและเทพผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง เช่น ในบทละครเรื่องสามัคคีเสวก ตอนกรีนิรมิตร (พระคเณศเสียงา) และลิลิตนารายณ์สิบปาง และทรงโปรดเกล้า๚ ให้ใช้รูปพระพิฆเนศเป็นดวงตราของวรรณคดีสโมสร และใช้สืบต่อมาจนกลายเป็นตราสัญลักษณ์ของกรมศิลปากรจนถึงปัจจุบัน ในตราสัญลักษณ์จะมีลูกแก้ว 7 ลูกล้อมรอบพระพิฆเนศซึ่งลูกแก้วเป็นสัญลักษณ์แทนศาสตร์ต่างๆ ได้แก่ ช่างปั้น, จิตรกรรม, ดุริยางคศิลป์, นาฏศิลป์, วาทศิลป์, สถาปัตยกรรมและอักษรศาสตร์

นอกจากศาสตร์ทั้ง 7 ที่ปรากฏในตราประจำกรมศิลปากรแล้ว พระพิฆเนศยังได้รับการยกย่องในฐานะบรมครูช้าง ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวิชาคชศาสตร์ ดังนั้นกิจกรรมใดที่เกี่ยวกับศาตร์นี้ จึงมักเริ่มต้นด้วยการบูชาพระพิฆเนศก่อนเสมอ

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พระนามต่างๆของพระพิฆเนศ

พระพิฆเนศเป็นเทพที่มีหลายพระนาม บางตำราว่ามีมากถึง 1,000 พระนาม ที่ได้ยินกันเป็นที่แพร่หลายมีดังต่อไปนี้
  1. คเณศ แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่คณะ (คณะในที่นี้หมายถึงบริวารของพระศิวะ)
  2. คเณศวร แปลว่า ผู้เป็นใหญ่หรือหัวหน้าเหนือเหล่าบริวารพระศิวะ
  3. คณปติ แปลว่า ผู้เป็นใหญ่เหนือหมู่คณะ หรือหัวหน้าเหนือเหล่าบริวารพระศิวะ
  4. เอกทันต์ หรือเอกทันตะ แปลว่า ผู้มีงาเดียวรือผู้เป็นใหญ่เหนือเหล่าบริวารของพระศิวะ เป็นอวคารหนึ่งของพระพิฆเนศที่มาปราบอสูรมะทะด้วยลูกศรชื่อปรสุ (รายละเอียดอ่านได้จาก "คเณศปกรณ์")
  5. พิฆเนศ แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งอุปสรรค
  6. พิฆเนศวร แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งอุปสรรค
  7. พิลไลยาร์ แปลว่า โอรสแห่งเทพชนกและชนนีผู้เป็นเจ้าจักรวาล ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันดีในแคว้นทมิฬนาฑู
  8. เหรัมพะ แปลว่า ผู้ปกครองผู้มีความทุกข์
  9. วิฆนายกะ แปลว่า ผู้ขจัดอุปสรรคต่างๆ
  10. ลัมโพทร แปลว่า ผู้มีท้องใหญ่, ผู้มีท้องพลุ้ย เป็นชื่ออวตารหนึ่งของพระพิฆเนศเพื่อปราบโกรธาสูร โกรธาสูรกำเนิดมาจากความโกรธและความอับอายของพระศิวะ ตอนที่พระวิษณุแปลงกายเป็นเด็กสาววัย 16 ปีมีรูปกายงดงามยิ่งนัก พระศิวะเห็นเข้าจึงพอพระทัยเมื่อพระวิษณุรู้สึกพระองค์เข้าจึงกลับคืนร่างเดิมเสีย ทำให้พระศิวะทั้งโกรธ และอับอายเป็นอย่างมาก โกรธาสูรได้รับพรจากพระสุริยะให้สามารถพิชิตไตรโลกทั้งหมดรวมทั้งไกรลาสด้วย เหล่าเทวดาจึงบูชาพระคเณศในพระนามลัมโพทรจนทรงปรากฏพระองค์ขึ้นและรับปากจะปราบโกรธาสูรให้ โกรฑาสูรเข้าต่อกรกับลัมโพทรถึงแม้จะประหวั่นถึงพลังอำนาจของลัมโพทรอยู่ แต่ในที่สุดโกรธาสูรต้องยอมสวามิภักดิ์ให้ลัมโพทร จากตำนานนี้การมีท้องใหญ่ พุงพลุ้ยไม่ได้หมายความว่าอ้วนท้วนเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงทันอันใหญ่โตของลัมโพทรคือการรวมกันของโลกทุกโลก โลกทุกโลกเกิดจากพระองค์ เมื่อกาลสิ้นสุดแล้วก็กลับเข้าไปและทรงเป็นผู้ปกครองและดูแลทุกโลก
  11. ศูรปกรรณ แปลว่า มีหูเหมือนกระจาด หมายถึงมีหูรับฟัง เรียนรู้ มั่งคั่ง และเก็บสรรพวิชาได้มหาศาล เก็บคัมภีร์พระเวทได้หลายบทโดยพระธุสวดีเป็นผู้ถ่ายทอดให้
  12. ธูรมวรรณ แปลว่า สีเทา สีหมอกควัน เป็นอวตารหนึ่งที่มาปราบอหัมสูร อสูรที่เกิดจากความรู้สึกโอหังของพระสุริยเทพและทรงเผลอจามออกมา ธูรมวรรณทรงปราบอหัมสูรด้วยปาศะ - เชือกบาศก์ แล้วสั่งให้ไปอยู่บาดาล
  13. คชวักตะ หรือ คชพักตร์ แปลว่า หน้าเป็นช้าง
  14. คุหาครชะ แปลว่า พี่ชายของพระขรรถกุมาร
  15. คชนัน แปลว่า ผู้มีหน้าเป็นช้าง มาจากตำนานการปราบโลภาสูร เป็นอสูรที่เกิดจากตอนที่ท้าวกุเวรมองเครื่องพัสตราภรณ์อันเลอค่าของพระแม่อุมาด้วยความโลภ มีฤทธิ์เดชมากและเคยได้รับประทานพรจากพระศิวะ ฤทธิ์มากที่แม้แต่พระวิษณุยังสู้ไม่ได้ โลภาสูรพิชิตสามโลกและถึงขนาดขอเขาไกรลาสจากพระศิวะ ซึ่งพระศิวะก็ทรงยกให้แต่โดยดีเพราะไม่อยากเสียคำพูดของตน เหล่าเทวดาอดรนทนไม่ได้จึงไปหาพระวิษณุ พระวิษณุจึงบอกให้เหล่าเทวดาไปบูชาพระคเณศซึ่งปรากฏพระองค์ในรูปคชนันบนหลังหนูและรับคำว่าจะปราบโลภาสูร พระศิวะได้รับสั่งเตือนโลภาสูรให้บูชาพระคเณศดีกว่าที่จะต่อสู้ ทีแรกโลภาสูรไม่เชื่อจึงไปปรึกษาพระศุกร์ พระศุกร์ก็ทรงยืนยันอย่างเดียวกันว่าคชนันมีมหิทธานุภาพมาก ให้บูชาจะดีกว่า ดังนั้นโลภาสูรจึงสวามิภักดิ์ต่อคชนัน คชนันสั่งให้โลภาสูรคืนโลกต่างๆที่ยึดมา ให้โลภาสูรไปอาศัยอยู่บาดาลและความสงบก็กลับคืนมานับแต่นั้น
  16. มุสิกวาหนะ แปลว่า ผู้มีหนูเป็นพาหนะ
  17. ลัฑฑูปรียา แปลว่า ผู้ชื่นชอบขนมลัฑฑู มาจากคัมภีร์สกันทปุราณะกล่าวว่าพระคเณศจะทรงบอกได้เสมอว่าพระศิวะประทับอยู่ที่ใด จึงทรงได้รับการถวายขนมลัฑฑู(ขนมโมทกะ) และทรงชื่นชอบอย่างมาก
  18. วรปาท แปลว่า ผู้ประทานพร เป็นผู้ประทานความรู้ ความอุดมสมบูรณ์
  19. วิฆนราชา แปลว่า ผู้เป็นเจ้าแห่งอุปสรรค และนำพาเหล่าผู้บูชาข้ามพ้นอุปสรรคต่างๆ เป็นชื่ออวตารที่ทรงปราบมหาสูรหรือมมตาสูร อันเกิดมาจากเสียงสรวลอันดังของพระแม่อุมา อสูรตนนี้ได้ขอพรจากพระพิฆเนศสามข้อ คือ ขอให้ครองจักรวาลได้ ขอให้เป็นอมตะและขอศาสตรวุธที่อาวุธอื่นไม่สามารถทำลายได้ พระพิฆเนศได้ประทานพรทุกข้อตามที่มมตาอสูรขอ ต่อมามมตาสูรก่อทุกข์เข็ญไปทั่ว เหล่าเทวดาจึงภาวนาอัญเชิญพระพิฆเนศในรูปพระวิฆนราชมาปราบ ทรงปราบมมตาสูรด้วยดอกบัวเพียงดอกเดียวเท่านั้น
  20. วีรคณปติ แปลว่า นักรบผู้เป็นใหญ่แห่งคณะ มาจากภาคที่มีวรรณะแดง มี 18 กร ทรงถือศาสตราวุทธต่างๆที่เป็นเครื่องหมายของนักรบ
  21. วิกฏะ ในภาษาสันสกฤตแปลว่า ยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม เป็นชื่อของอวตารหนึ่งของพระพิฆเนศเพื่อปราบกามาสูร กำเนิดของกามาสูรเกิดจากความปฏิพัทธิ์ที่พระวิษณุมีต่อพระแม่จ้าวฤนทาผู้งดงาม เรื่องราวการปราบคล้ายกับที่ปราบโกรธาสูรในอวตารลัมโพทร อวตารวิกฏะนี้ทรงนกยูงเป็นพาหนะ
  22. อุมาปุตร แปลว่า บุตรแห่งพระอุมา และเป็นบุตรผู้เป็นที่รักและดูแลรับใช้ใกล้ชิด
  23. วักระตุณฑะ แปลว่า ผู้มีหนวดโค้ง เป็นหนึ่งในอวตารของพระพิฆเนศเพื่อมาปราบอสูรชื่อมัตสระที่บำเพ็ญเพียรบูชาพระศิวะอยู่พันปีจนได้รับประทานพรและได้รับแต่งตั้งจากพระศุกร์ให้ไปพิชิตโลกต่างๆและจักรวาล (รายละเอียดอ่านได้จาก "คเณศปกรณ์")
  24. ปุราณะนันท์มโหทระ หรือมโหทร แปลว่า ท้องโต ซึ่งเป็นอวตารหนึ่งของพระคเณศตอนไปปราบอสูรยานาริ (รายละเอียดอ่านได้จาก "คเณศปกรณ์")